วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม



อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ::

          ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพังเหยในเขต   ต.บ้านไร่  อ.เทพสถิต  จ.ชัยภูมิ จากกรุงเทพฯ   ใช้เส้นทางสระบุรี - ชัยบาดาล   ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 205   เส้นทางชัยบาดาล - เทพสถิต - ชัยภูมิ     ก่อนถึงอำเภอเทพสถิต จะมี ทางแยกซ้ายมือไปป่าหินงาม อีก  29  กิโลเมตร     หากเดินทางเส้นทางจาก จ.นครราชสีมา   ก็จะใช้เส้นทางนครราชสีมา - เพชรบูรณ์     โดยจะวิ่งผ่าน ต.หนองบัวโคก    ผ่านบ.คำปิง เข้าสู่อำเภอเทพสถิต     และเลี้ยวขวาบริเวณ สามแยกเพื่อจะไปในเส้นทาง เทพสถิต - ซับใหญ่      และหากท่านมาจากตัว เมืองชัยภูมิ ก็ต้องใช้เส้นทาง ระเหว - ซับใหญ่ - เทพสถิต     เมื่อออกจากตัว กิ่งอ.ซับใหญ่จะถึงทางแยกขึ้นอุทยานฯ ก่อนที่จะถึง อ.เทพสถิต...
 :: แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ::

<< ป่าหินงาม >>
             "ป่าหินงาม" หรือ   (ลานหินงาม)    อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ ทั่วบริวเวณเรียงรายไปด้วยหินก้อนน้อย ใหญ่ รูปร่างแปลก ๆ มากมายในพื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นลานหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะดิน  และเนื้อหินทรายมานานนับลานปี   วาง เรียงรายสลับซับซ้อน  อยู่เต็มลานบ้างก็มีรูปรา่างเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก  บ้างก็เหมือนกบเรด้า  และรูปต่าง ๆ แล้วแต่จะ จินตนาการ  แต่เมื่อดูแล้วชวนให้เกิดความเพลิดเพลินใจเป็นยิ่งนัก...

<< ทุ่งดอกกระเจียว >>
                  "ทุ่งดอกกระเจียว"  เกิดจากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสายพันธุ์  ที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯและจะมีอยู่บริเวณหนึ่งใช้พื้นที่หลายไร่     ที่จะมีดอกกระเจียวขึ้นอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นทุ่ง    ซึ่ง เวลามองดูก็จะเห็นเป็นสีชมพูปนขาว   และมีสีเขียวของลำต้ันและก้านใบเป็นสีเขียวสด   ประกอบกับสีเขียว ของหญ้าทีขึ้นมาแซม ทำให้ทุ่งกระเจียว เขียวขจี สวยงามเหมือนกับทุ่งในทรวงสวรรค์เลย              โดยในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายน     ถึง ปลายเดือนกรกฎาคม ของทุก ๆ ปี    ต้นกระเจียวจะออก ดอกสวยงามตระการตาไปทั่วผืนป่า  จัดได้ว่าเป็น   "นางเอกของอุทยานฯ"  ก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะดอกกระเจียว จะไม่มีให้เห็นเลยนอกเสียจากในช่วงเวลาที่ว่านี่เท่านั้น...


<< จุดชมวิวสุดแผ่นดิน >>
             "สุดแผ่นดิน"  อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯ  เป็นแนวหน้าผาและชะง่อนหิน   เป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขา พังเหย  สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ  846 เมตร  เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง  (ฉานไทย)  ซุกเข้าไปใต้แผ่นดิน อีสาน (อินโต - ไซน่า)  ทำให้เกิดแผ่นดินที่ยกตัวสูงชัน  เรียกว่า  "สุดแผ่นดิน"  คือเขตรอยต่อของ  3 ภาคอันได้แก่
             1.  แผ่นดินซีกทางอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ชัยภูมิ  (ภาคอีสาน)
             2.  แผ่นดินซีกทางตะวันตกของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ลพบุรี  (ภาคกลาง)
             3.  แผ่นดินซีกทางเหนือของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.เพชรบูรณ์  (ภาคเหนือ)ซึ่งมีความสวยงาม อากาศเย็นสบาย  และในตอนเช้า ๆ จะมีกลุ่มหมอกลอยผ่านหน้าเราไป  เหมือนกับหยอกเย้ากับผู้มาเยือนเลย

   ใกล้ถึงหน้า  "เทศกลาล ท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน"  ประจำปีี 2554 แล้วนะครับ เหลืออีกไม่กี่วัน ที่เราจะได้ชื่นชมความสวยงามของดอกกระเจียว      ซึ่งจะ็บานสะพรั่ง สวยงามจริง ๆ ครับ...ผมก็เป็นอีก คนหนึ่ง หล่ะ ที่ชื่นชม ความงามของสถานที่ท่องเที่ยว   แห่งนี้ มาเป็นระยะเวลาช้านานโข ปีนี้ ถ้าฝน ฟ้า ตกต้องตามฤดูกาล   ที่มันควรจะเป็น      เหล่าบรรดาเจ้าดอกกระเจียวน้อย-ใหญ่ซึ่งกบดานอยู่ใต้พื้นแผ่นดินนับแรมปี  ก็จะมีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอัน   สะโอดสะอง ยังกะมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ด     ที่กำลังจะประกวด กันเลยทีเดียวยิ่ิง ถ้าฝนตกชุกหน่อย       พื้นดินเปียกชุ่มเจ้าดอกกระเจียวที่แสนสวยของเราก็จะขึ้น เยอะเต็มท้องทุ่งเลย  มองไปทางไหนก็จะมีแต่สีเขียวชะอุ่ม และสีชมพูแกมขาว  สวยอย่าบอกใครเลย     ถึงแม้ว่าปีกลาย ดอกกระเจียว      จะ มาช้าไปซักนิดนึง แต่เจ้าดอก กระเจียวก็เริ่มทะยอยชูช่อ ยันดอกออกมาให้เราๆ ท่านๆ ได้ยลโฉมกันแล้ว    และสำหรับ ท่านใด ที่ยังไม่เคยมาเยี่ยมเยือนทุ่งดอก กระเจียวธรรมชาติแ้ห่งเดียว ในโลกปีนี้ก็อย่าพลาดนะครับ ตัดสินใจช้า  ท่านอาจจะพลาด โอกาสดี ๆ ที่หนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียว เท่านั้น ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งทั้งสองที่ ก็มี ความ แตกต่างกันไปใครชอบความสะดวก


       งานวันดอกกระเจียวบาน ทุกปี จะเริ่มงานตั้งแต่ ช่วงเดือน มิถุนายน กรกฏาคม และสิงหาคม ของทุกๆปีโดยช่วงแรกต้นเดือนมิถุนายนจะจัดงาน "วันกระเจียวคืนทุ่ง" โดย อบต.บ้านไร่ และทุกอบต.ในเขต อ.เทพสถิตพร้อมขบวนรถบุปผาชาติจากเหล่าอบต. และโรงเรียนในเขตบ้านไร่รวม 16 ขบวนและชมสาวงามจากชาวบ้านไร่ ในงานประกวด "เทพธิดาดอกกระเจียว" ในปี 2554 นี้ทางจังหวัด จัดวันเปิดงานวันที่ 15 มิถุนายน พร้อมการแสดงต่าง ๆ ทุกอาทิตย์ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ รัศมีไม่เกิน 6 กม.จะแนะนำท่านในช่วงถัดจากนี้ไปพร้อมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิ อื่น ๆ อีกนับหลายสิบแห่งเท่าที่เวลาของท่านมีอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ นี้ เมื่อท่านได้มาพักผ่อน ณ.อุทยานแห่งนี้ ท่านสามารถสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นสบายเกือบตลอดปีโดยเฉลี่ยทั้งปี อยู่ที่ 4 - 25 องศา (ในช่วงกลางคืน) และช่วงกลางวัน เฉลี่ยเดือนเมษายน ไม่เคยเกิน 32 องศาจึงทำให้หลาย ๆ ท่านที่ได้แวะมา ณ.อุทยานฯ แห่งนี้เป็นครั้งแรก ต้องแปลกใจกับอากาศที่ แตกต่างจากกรุงเทพฯอย่างสิ้นเชิงและอีกหลาย ๆ ท่านที่เดินทางมาจากทางภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า..."อากาศที่นี่ ดีกว่าบ้านเค้าด้วยซ้ำ" และอีกหลายท่านที่เดินทางมาจากทางวังน้ำเขียว(อากาศดีติด1ใน7ของโลก) ยังคาดไม่ถึงว่าที่นี่อากาศไม่แพ้บ้านเค้าเลยนั่นเป็นเพียงการกล่าวจากหลาย ๆ ท่านที่เราได้ยินได้ฟังมา ...แต่จะเป็นจริงดั่งนี้หรือไม่ "ท่านต้องมาพิสูจน์" ด้วยตัวท่านเองและอีกกรณีหนึ่ง หลายท่านที่เดินทางมาณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ยังได้กล่าวให้ได้ยินบ่อยครั้งว่า.....ท่านใดมาเที่ยวที่นี่ หากไม่ได้นอนค้างสัมผัสหมอก และอากาศเย็นในยามค่ำณ.บนอุทยานฯ นี้ "ท่านมาไม่ถึง"
ทุ่งดอกกระเจียว ณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพียงปีละครั้งเท่านั้นจะเริ่มแทงหน่อใบหูกระต่ายในช่วงต้นฝนประมาณกลางเดือนพค. และจะเริ่มแทงหน่อดอกในช่วงต้นเดือน มิถุนายนสีของดอกกระเจียว จะออกสีชมพูอมม่วง และสีขาว ปัจจุบันมีอยู่หลายสายพันธุ์อีกหนึ่งความงามจากธรรมชาติ ที่ชูช่อเป็นชั้นเหลื่อมสีชมพูอมม่วงคือ พลอยชมพู จะออกดอกช่วงปลายกรกฏาคมความงามของดอกกระเจียว ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจะไสวพริ้ว ไปจนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม ของทุกปีหากท่านไม่ได้มาในช่วงเวลาดังกล่าว คงต้องรอปีต่อไปจึงจะได้มาสัมผัสความงามจากธรรมชาตินี้ดอกกระเจียว เป็นพันธุ์ไม้ที่เกิดขึ้นที่นี่ จัดว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย ช่วงเวลาดังกล่าว ต่างแย่งกันชูช่อพริ้วไสวไปตามสายลมหนาว นอกฤดู ปูพรมด้วยผืนหญ้าสีเขียว ชุ่มช่ำด้วยหยาดน้ำค้าง อาบฉากหลังด้วยม่านสายหมอก ในยามรับรุ่งอรุณของวันใหม่ จึงเหมาะแก่การขึ้นเยือนบนผืน ทุ่งดอกกระเจียวขนาดใหญ่กว่า 1000 ไร่ ในยามเช้าตรู่เพราะหากสายกว่านี้บรรยากาศในการเข้าเยี่ยมสัมผัสจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินการเข้าไปยังทุ่งดอกกระเจียว ท่านต้องนำรถไปจอดที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ซ้ายมือก่อนถึงอุทยานฯ 500 ม.หรือนำรถจอดบริเวณลานจอดรถที่ทางอุทยานฯ จัดให้ แล้วจึงนั่งรถสองแถวท้องถิ่นที่จอดรอรับนักท่องเที่ยวบริเวณทางเข้าอุทยานฯ เพียงท่านละ ๑๐ บาท(ทั้งขึ้นและลง) โดยรถจะจอดให้ท่านลง ณ.จุดท่องเที่ยวต่าง ๆและท่านสามารถขึ้น-ลง รถคันใด ๆ ก็ได้ โดยขากลับลงมา รถฯ จะส่งท่านยังจุดเดิมที่ท่านขึ้นครั้งแรก


ที่มา : http://www.kukrajeaw.com/
          http://www.phudoilay.com/northeast/chaiyaphum/Saithong.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น